Monday, December 28, 2020

Carl Sagan

Carl Edward Sagan (1934-1996) คาร์ เอ็ดเหวิด เซเกิ่น เป็นนักดาราศาสตร์ชาวอเมริกัน, เป็นนักวิทยาศาสตร์ดาวเคราะห์, นักจักรวาลวิทยา, นักฟิสิกส์ดาราศาสตร์, นักชีวดาราศาสตร์, ทั้งยังเป็นนักเขียน กวีและผู้ชำนาญการสื่อสารถ่ายทอดวิทยาศาสตร์สู่สามัญชน.

       เขาได้ทำงานวิจัยค้นคว้าในวิทยาศาสตร์แขนงต่างๆดังกล่าว แต่สิ่งที่ทำให้เขาโด่งดัง จนเป็นนักวิทยาศาสตร์ที่มีชื่อเสียงที่สุดในทศวรรษที่ 1970-1980 ในสหรัฐฯ คือการเป็นโฆษกของวงการวิทยาศาสตร์. เขาเป็นอาจารย์ประจำมหาวิทยาลัยชิคาโก, มีบทบาทสำคัญในโครงการอวกาศของนาซา Nasa ตั้งแต่เริ่มต้นโครงการในทศวรรษที่ 1950 เป็นต้นมา, เป็นผู้อบรมนักบินอวกาศอพอลโล ก่อนออกเดินทางไปดวงจันทร์.

นอกจากการเขียนเล่าไว้ในหนังสือและบทความจำนวนมาก  เขาเป็นนักวิทยาศาสตร์คนแรกที่นำผลงานการศึกษาวิเคราะห์วิจัยทางวิทยาศาสตร์ ดาราศาสตร์ จักรวาลวิทยา มาอธิบายอย่างชัดเจน เข้าใจง่าย เพื่อเป็นความรู้แก่มวลชน, พัฒนาความรู้เกี่ยวกับธรรมชาติ, ทำบททดสอบความเข้าใจเกี่ยวกับจักรวาล, สร้างความตระหนักรู้เกี่ยวกับวิทยาศาสตร์ว่ามิใช่อะไรที่มีแต่สูตรเต็มไปด้วยตัวเลขลึกลับ แต่เป็นสิ่งใกล้ตัว... จึงเป็นผู้นำดาราศาสตร์มาสู่ความสนใจอย่างกว้างขวางของมวลมหาชนในสหรัฐฯ.

       เมื่อติดตามอ่านหนังสือของเขา ชัดเจนว่า พื้นฐานการศึกษาของนักวิทยาศาสตร์ การคิดการค้นเป็นระบบ, การรู้จักใช้ภาษาอย่างช่ำชอง, รู้จักเปรียบเทียบ, และในที่สุดรู้จักสอนและถ่ายทอด, ได้สร้างนักวิทยาศาสตร์รุ่นใหม่ๆต่อมา ที่มีประสิทธิภาพสูง และทำให้สหรัฐฯ (เคย) เป็นผู้นำในด้านการศึกษาและการวิจัยอวกาศในโลกตลอดมาก่อนชาติใดในยุโรปและจีน.

       ที่น่าประทับยิ่งขึ้นอีก คือนักดาราศาสตร์ นักจักรวาลวิทยารุ่นบุกเบิกเกือบทุกคนที่ยังมีชีวิตในปัจจุบัน (Hubert Reeves, Niel deGrasse Tyson) ต่างกลายเป็นผู้รณรงค์รักษ์โลก, ปกป้องธรรมชาติ, เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ต่อมวลมนุษยชาติบนโลก... พวกเขาถ่อมตน รู้คุณ จิตใจอ่อนโยนและเห็นความสำคัญของสรรพชีวิต, กระชับและยกระดับความสำคัญของจิตสำนึกและจิตวิญญาณ... ในฐานะของนักวิทยาศาสตร์ ผู้ไม่ยึดศาสนาใดเป็นสรณะ พวกเขาเป็นตัวอย่างบุคคลที่มีคุณธรรมสูง เข้าถึงสัจธรรมด้วยประสบการณ์ การศึกษาวิจัยและสติปัญญาของเขาเอง...  

       ในที่นี้ จะยกข้อความและแง่คิดบางประการของ Carl Sagan มาให้อ่าน, ให้เป็นสิ่งเตือนใจเราว่า ความรู้นำไปสู่ความดีได้, วิทยาศาตร์นำไปสู่สัจธรรมได้, ชัดเจนกว่าและมีประโยชน์กว่าการเอาลัทธิศาสนาใดมาเป็นฐานสู่ความเข้าใจโลกในมิติต่างๆ. ศาสนาไม่ใช่อิฐ หิน ไม้ ไม่ใช่สิ่งก่อสร้าง, ไม่อาจสร้างบ้านแปงเมืองให้ประชากรจำนวน 7 794 799 ล้านคนบนโลกได้. วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เป็นผู้บริหารโลกกายภาพ ที่ทำให้เรามีชีวิตสะดวกสบาย, มีรถยนต์ รถไฟ เครื่องบิน, มีอุปกรณ์สารพัดมาช่วยในการดำรงชีวิต, ความสุขความทุกข์ในชีวิตสังคม ยังเป็นโอกาสให้ปลีกวิเวกไปปฏิบัติธรรมในที่สงบปลอดภัย. หากเราพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ในขณะเดียวกันก็มีศาสนามาช่วยพัฒนาจิตใจ, สังคมน่าจะเป็นสังคมที่มีความสมดุลมากกว่าที่เห็นในปัจจุบัน. จะยกศาสดาศาสนาใดขึ้นสูง และด้อยค่าความรู้ความเพียรของนักวิทยาศาสตร์ ไม่ใช่วิถีของผู้มีปัญญาและผู้ยุติธรรม. นี่ไม่ใช่การประกวดประชันกัน และก็ไม่ใช่การลบหลู่ศรัทธาความเชื่อของใครต่อศาสดาองค์ใด แต่พึงแยกแยะให้รู้ว่าศรัทธาในพระธรรมคำสอนกับศรัทธาในองค์ศาสดา ไม่เหมือนกัน. แต่ละคนมีสิทธิเชื่อและเคารพบูชาพระธรรมหรือบุคคลผู้ให้กำเนิดศาสนาหรือทั้งสอง. คนอื่นจะรู้หรือไม่ก็ตาม. นี่เป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคน. ความจริงของคนๆหนึ่ง ไม่ใช่ความจริงของคนอื่นเสมอไป จึงเป็นการดีที่จะเก็บศรัทธาของตัวเองไว้ให้มั่นคงในใจ โดยไม่ไปก้าวก่ายหรือด้อยค่าศรัทธาของคนอื่น. 

Carl Sagan เขียนไว้ว่า >>

วิทยาศาสตร์ เป็นอะไรมากว่าความรู้มวลหนึ่ง. วิทยาศาสตร์คือวิธีคิดวิธีหนึ่ง, เป็นวิธีการซักถามไต่สวนด้วยความสงสัย (เกี่ยวกับจักรวาลหรืออะไรก็ตาม), คนศึกษาซักถามต้องตระหนักรู้อยู่กับใจว่า ธรรมชาติความเป็นคนนั้น ย่อมทำผิดพลาดได้, เข้าใจผิดหรือคลาดเคลื่อนได้เสมอ. ความก้าวหน้าของวิทยาศาสตร์ อาจวัดได้จากความกล้าในการซักถามและการหาคำตอบที่เจาะลึกไปให้ถึงที่สุด. จากกระบวนการซักไซ้ไต่สวนดังกล่าว เราเปิดใจยอมรับข้อเท็จจริงที่ได้ แทนการเลือกหาคำตอบที่ถูกใจ. 

ดาวเคราะห์ในระบบสุริยะ จัดสัดส่วนตามปริมาตรเพื่อให้เห็นความแตกต่างของขนาดได้ชัดเจน. เรียงตามลำดับจากซ้าย ดาวเคราะห์ที่อยู่ใกล้ดวงอาทิตย์ที่สุด ออกไปยังดวงที่อยู่ไกลที่สุด ดังนี้ ดาวพุธ, วีนัส, โลก, อังคาร, จูปิเตอร์, เสาร์, ยูเรนัส, เนปจูน. ภาพของ NASA Lunar and Planetary Institute
มองอีกที มองไปที่จุดสีน้ำเงินเล็กๆจุดที่สาม นั่นคือบ้าน นั่นคือเรา. บนจุดนั้น เป็นที่รวมของทุกคนที่คุณรัก, ทุกคนที่คุณรู้จัก, ทุกคนที่คุณเคยได้ยินได้ฟัง, ทุกคนที่เคยอยู่และใช้ชีวิตไปจนหมดอายุขัย. ที่นั่นเป็นที่รวมความสุขสนุกสนานและความทุกข์โศก, รวมลัทธิศาสนาจำนวนนับพัน, อุดมการณ์และลัทธิเศรษฐกิจ, รวมนักล่าและนักคุ้ยหาอาหาร, รวมวีรบุรุษและคนขี้ขลาด, รวมผู้เสกสรรค์และผู้ทำลายวัฒนธรรม, รวมกษัตริย์และชาวนา, รวมคู่รักหนุ่มสาว, รวมพ่อแม่กับลูกที่เปี่ยมด้วยความหวัง, รวมนักประดิษฐ์และนักสำรวจ, ครูผู้สอนจริยธรรม, นักการเมืองมือสกปรก, รวมดารายอดนิยม, ผู้นำคนดีคนเก่ง, นักบุญและคนบาป ในประวัติสปีชีส์คนที่เคยอยู่ที่นั่น, บนจุดเล็กด่างๆเปื้อนฝุ่น ที่ห้อยต่องแต่งในลำแสงหนึ่ง.  
ดาวเคราะห์โลกเป็นเวทีเล็กๆแห่งหนึ่งในอะเรนาที่กว้างใหญ่ไพศาลของจักรวาล. นึกถึงความโหดเหี้ยมสุดสลดใจของคนที่อาศัยอยู่ในมุมหนึ่งของจุดเล็กๆนั้น ที่ชุมชนอื่นจากมุมอื่น มองแทบไม่เห็น, นึกถึงความหลงผิด เข้าใจผิดระหว่างกัน, ความกระเหี้ยนกระหือรือที่เข่นฆ่ากันและกัน, ความเกลียดชังที่เร้ารุ่มใจของคน. นึกถึงพวกนายพลและจักรพรรดิที่ทำให้สายเลือดของคนจำนวนมากไหลอาบแผ่นดิน เพียงเพื่อเข้ายึดครองเป็นเจ้าอย่างผู้มีชัยเกรียงไกรเหนือชาวเมือง... เหนือส่วนหนึ่งของจุดเล็กๆที่เป็นโลกของเรานั้น.

การประกาศอวดตัว, การสร้างภาพความสำคัญของตัวเอง, มายาคติว่าคนอยู่ในตำแหน่งอภิสิทธิ์ในจักรวาล, ทั้งหมดเพียงเพื่อประชันขันแข่ง ข่มแสงสีฟ้าอ่อนๆจุดเล็กๆจุดนั้น. โลกของเรา เป็นจุดเล็กๆโดดเดี่ยวในความมืดที่ครอบจักรวาลไปไม่มีที่สิ้นสุด. เราผู้จมปลักในความมืดแปดด้าน, ในความมเหาฬารของจักรวาล. ไม่มีอะไรยืนยันได้เลยแม้แต่น้อยว่า จะมีใครหรืออะไรมาช่วยเราให้หลุดจากวังวนของตัวเราเองได้.

โลกเป็นโลกเดียวที่เรารู้ณนาทีปัจจุบัน ว่าเป็นอู่ของสรรพชีวิต. ไม่มีที่อื่นใดที่เราจะโยกย้ายสายพันธุ์เราไปได้, เราไม่มีทางไปไหนในอนาคตใกล้ตัวนี้เลย. เราอาจไปเยือนดาวอื่น แต่ไปตั้งรกรากบนดาวอื่นนั้น ยังทำไม่ได้. ไม่ว่าเราจะชอบหรือไม่ ณที่นี่และเดี๋ยวนี้ โลกคือจุดยืนจุดเดียวของเรา.  
คนพูดกันว่า การศึกษาดาราศาสตร์ ให้ประสบการณ์ที่บ่มเพาะอุปนิสัยและความถ่อมตน. คงไม่มีภาพใดที่สะกิดให้ประจักษ์ถึงความลุ่มหลง หยิ่งทรนงตนของคน ดีไปกว่าภาพแสงสีฟ้าอ่อนๆที่คือโลกอันกระจิริดของเรา(ดังตัวอย่างภาพข้างบน). สำหรับข้าพเจ้า มันกระชับจิตสำนึกของความรับผิดชอบที่เราพึงมีต่อกันและกัน, ของหน้าที่การอนุรักษ์และถนอมจุดสีฟ้าอ่อนๆจุดนั้น ที่เป็นบ้านหลังเดียวที่เรารู้จัก. 

Carl Sagan จากหนังสือ Pale Blue Dot : A Vision of the Human Future in Space.

ขนาดและอายุของจักรวาล เกินความเข้าใจของสามัญชน. โลกดวงเล็กๆของเรา หลงอยู่ระหว่างความมเหาฬารของเวหาที่ไร้พรมแดนกับกาลนานชั่วกัปชั่วกัลป์. มองในทัศนมิติของจักรวาล ความห่วงหากังวลใดๆของคนไม่มีความหมายอะไรเลย ช่างจิ๊บจ๊อยเสียจริงๆ. ถึงกระนั้น สายพันธุ์คนยังอายุน้อย คนอยากรู้อยากเรียน และกล้าหาญ นี่เป็นนิมิตรหมายที่ดี. หลายสหัสวรรษที่ผ่านมา คนได้วิวัฒน์พัฒนาอย่างก้าวกระโดด และได้ค้นพบเกี่ยวกับจักรวาลและตำแหน่งของเราในจักรวาล, ได้ออกไปสำรวจอวกาศที่เป็นสิ่งที่น่าภูมิใจอย่างแท้จริง. ทั้งหมดเตือนให้ตระหนักว่า การวิวัฒน์พัฒนาของคนเป็นความมหัศจรรย์เพียงใด, ว่าความรู้จำเป็นต่อการเอาตัวรอด. ข้าพเจ้าเชื่อว่า อนาคตของเราอยู่ที่ว่าเราเข้าใจจักรวาลดีมากเพียงใด จักรวาลที่โลกใบน้อยของเราล่องลอยเสมือนละอองฝุ่นในท้องฟ้ายามย่ำรุ่ง.

Carl Sagan จากหนังสือเรื่อง Cosmos.

ธรรมชาติเกิดขึ้น ตั้งอยู่และดับลง เป็นวงจรในจักรวาล. การเอาตัวรอดหลุดออกไปจากกฎนี้ได้ เป็นอุบัติเหตุ เป็นข้อยกเว้น. สรรพสัตว์ก็เช่นกัน เกิดขึ้น ตั้งอยู่เพื่อสืบทอดเผ่าพันธุ์และเมื่อเสร็จหน้าที่ก็ตายลง. ธรรมชาติไม่เลือกข้าง ไม่มีสองมาตรฐาน ไม่ยินดียินร้าย, ความตายมาตามวาระ.

จักรวาลคือสิ่งที่เป็นอยู่ ที่เป็นมาแล้วและที่จะเป็นต่อไป. การมองชื่นชมจักรวาลแม้เพียงเสี้ยวนิดเดียว มันเขย่าขวัญ, เหมือนมีอะไรมาจี้หลัง, หูจับเสียงความถี่แปลกๆ, ให้ความรู้สึกเลือนลางเหมือนความทรงจำในอดีต, หรือเหมือนตกจากที่สูง. เมื่อมองดูจักรวาล เรารู้ว่าเรากำลังสัมผัสความลึกลับที่เหนือความลึกลับอื่นใด. 

มีใครหรือที่นอบน้อมถ่อมตนไปกว่านักวิทยาศาสตร์ผู้มองดูจักรวาลด้วยใจเปิดกว้างและยอมรับทุกสิ่งที่จักรวาลบอก แนะและสอน. หรือใครคนอื่นที่บอกว่า ให้เชื่อทุกอย่างในหนังสือเล่มนั้นๆ ว่าเป็นความจริง โดยไม่ใส่ใจว่าผู้เขียนในฐานะคน มีโอกาสผิดพลาดได้เหมือนคนทุกคน.(Carl Sagan หมายถึงคัมภีร์)

เมื่อเราตระหนักรู้จุดยืนของเราในมาตราส่วนของร้อยๆของพันๆปีแสงและในกระแสกาลเวลาที่นานสุดพรรณนาได้, เมื่อเราจับความสลับซับซ้อน ความงามและความละเอียดของชีวิตได้, เมื่อนั้น ความรู้สึกพุ่งขึ้น ความปลาบปลื้มปิติบวกความถ่อมตน อุบัติขึ้น, อารมณ์ความรู้สึกดังกล่าว เป็นสภาวะของจิตวิญญาณ. เป็นความปิติที่ตรึงอารมณ์ในแบบเดียวกับเมื่อเราอยู่เบื้องหน้างานศิลป์ชิ้นเลิศ ดนตรี วรรณกรรมที่ประทับจิตประทับใจ, หรือเบื้องหน้าการสละตัวตนของผู้มีจิตเข้มแข็งและกล้าหาญ ดังตัวอย่างที่เราสัมผัสได้ในพฤติกรรมของมหาตมะ คานธี หรือของมาร์ติน ลูเธอร์ คิง Jr... วิทยาศาสตร์เป็นตาน้ำของจิตวิญญาณ...

โลกนี้ช่างงามวิจิตร เต็มไปด้วยความรักและธรรมอันประเสริฐ. ไม่มีเหตุให้เราต้องหลอกตัวเองด้วยการเสกสรรปั้นแต่งนิยายสวยๆจบหรูๆที่เกินความเป็นจริง (เช่นสร้างเรื่องความสุขในสวรรค์)สำหรับข้าพเจ้า เมื่อตระหนักถึงความเปราะบางของชีวิตคน ข้าพเจ้าเห็นว่าเป็นการดีที่จะจ้องมองความตายซึ่งๆหน้า และสำนึกรู้คุณทุกวันที่ยังมีลมหายใจ ยังมีโอกาสสุดวิเศษที่ชีวิตมอบให้บนโลกนี้ แม้จะสั้นเพียงใด...

โชติรส รายงาน

๒๗ ธันวาคม ๒๕๖๓.

ผู้สนใจติดตามอ่านบางเรื่องเกี่ยวกับ Carl Sagan ตามข้อมูลข้างล่างนี้ >>

*** https://www.goodreads.com/author/quotes/10538.Carl_Sagan

***Carl Sagan, Broca's Brain: Reflections on the Romance of Science (1979)

***Carl Sagan, Cosmos, Part 11: The Persistence of Memory (1980) 

No comments:

Post a Comment