Wednesday, January 27, 2021

One Dollar to Start

 วางฐานของชาติด้วยหนึ่งดอลลาร์

ด้านหลังของธนบัตรใบละหนึ่งดอลลาร์อเมริกัน ด้านซ้าย รูปสามเหลี่ยมปิรามิด ที่ยังสร้างไม่เสร็จดี, ยอดยังเป็นหน้าตัดอยู่ เจาะจงแสดงให้เห็นว่า มีสิบสามขั้น 13 ขั้น (หมายถึงสิบสามรัฐแรกของสหรัฐฯ). เหนือขึ้นไป มีสามเหลี่ยมที่ดูเหมือนส่วนที่จะเติมเต็มไปถึงยอดปิรามิด แต่สามเหลี่ยมนี้ ลอยอยู่เหนือขึ้นไปในอากาศ. มีแสงสว่างสุกปลั่งล้อมรอบ ภายในมีดวงตาหนึ่งดวง. การใช้ดวงตาเป็นสัญลักษณ์ของพระเจ้า หรือเจ้าจักรวาล, ที่เรียกว่าเป็น The Eye of Providence, เป็นดวงตาที่กำลังมอง สอดส่องดูแลมนุษยชาติ จนถึงติดตามพฤติกรรมต่างๆบนโลก. เป็นดวงตาผู้รู้แจ้งและมองทะลุจิตสำนึกของสรรพชีวิต, ความคิดซ่อนเร้นต่างๆ. ในกรณีของสหรัฐฯ หมายถึงพระเจ้าในศาสนาคริสต์ ดังที่เจาะจงไว้บนธนบัตรว่า IN GOD WE TRUST ชาวอเมริกันยุคบุกเบิกนั้น ยึดพระเจ้าเป็นที่พึ่ง. (ใช้คำพระเจ้าเพื่อความสะดวก สั้นและง่าย. ความจริง The Eye of Providence อาจหมายถึง ผู้เป็นใหญ่สูงสุด ผู้สร้าง หรือด้วยสำนวนอื่นใดตามขนบของวัฒนธรรมต่างๆกัน).

      คนทั่วไปมักเข้าใจว่า ดวงตาในสามเหลี่ยม เป็นสัญลักษณ์เฉพาะของกลุ่มฟรีเมสัน (Freemasonry). สัญลักษณ์แบบนี้มีมาแต่โบราณแล้ว เช่นพบในอารยธรรมอีจิปต์โบราณ, เป็นตาของโฮรัส Horus เทพอีจิปต์ที่มีศีรษะเป็นเหยี่ยว. แม้อินทรีกับเหยี่ยว ไม่เหมือนกันเลยทีเดียว แต่ทั้งสองเป็นภาพลักษณ์ของพละกำลังและความเร็ว จึงพอจะโยงไปถึงกันได้. เช่นนี้ ในขนบฟรีเมสัน โดยปริยายจึงยืมและสืบทอดความเชื่อจากยุคโบราณ มาเป็นฐานที่มั่นคงในวัฒนธรรมยุคหลังๆ. สมาคมฟรีเมสัน จึงมักมีรูปลักษณ์บางอย่างโยงไปถึงอีจิปต์โบราณเสมอ (เช่นในอุปรากรเรื่องขลุ่ยวิเศษของโมสาร์ท แทรกพิธีกรรม รูปลักษณ์ สำนวนของสมาคมฟรีเมสันที่รู้จักกันดีในเวียนนายุคนั้น. โมสาร์ทเองเคยเป็นสมาชิกอยู่นานเจ็ดปี และได้เป็นหัวหน้าของกลุ่มเมสันของเขาที่มี 32 คน). ในอารยธรรมโบราณอื่นๆ เช่นในลัทธิฮินดู มีศิวะเทพและพระแม่กาลี ผู้มีตาที่สามบนหน้าผาก, เมื่อเปิดตาที่สามนี้ จะเกิดไฟพ่นออกมาบรรลัยกัลป์, เผาผลาญสิ่งชั่วร้ายให้หมดไปจากแผ่นดิน, เท่ากับเป็นโอกาสให้สรรพชีวิตเกิดใหม่ (เป็นการรีไซเคิลโลกและชีวิต)

ภาพจากเว็บเพจ เทียบให้เห็นว่าสัญลักษณ์ดวงตาของเทพรา (Ra) ในอารยธรรมอีจิปต์ สะท้อนให้เห็นลักษณะและตำแหน่งของต่อมไพเนียลในสมองคน.

      กายวิภาคศาสตร์บอกว่า ต่อมไพเนียล  (pineal gland) เป็นต่อมไร้ท่อ ขนาดเล็กเพียง 5-8 มม. รูปร่างเหมือนเมล็ดสน อยู่ในใจกลางสมอง ที่มีเซลล์คล้ายกับเซลล์ของจอตา จึงรับรู้แสงสว่างได้ เช่นเดียวกับตา.  ต่อมไพเนียลสร้างฮอร์โมนรับแสงได้ จึงเป็น “ตาที่สาม” ของมนุษย์ ดังที่ปรากฏกล่าวถึงเสมอในอารยธรรมโบราณตั้งแต่ชนเผ่าซูเมเรียน, อีจิปต์โบราณ, ศาสนาพราหมณ์เป็นต้น.

บรรทัดสุดท้ายบนฐานปิรามิต กำกับด้วยตัวเลขโรมัน MDCCLXXVI คือปี 1776 (ในตัวเลขอาราบิก) อันเป็นปีที่ชาวอเมริกันประกาศอิสรภาพไม่ขึ้นกับสหราชอาณาจักร เมื่อวันที่ 4 กรกฎาคม 1776. มีประโยคละตินเขียนใกล้ขอบวงกลมตอนบนว่า ANNUIT COEPTIS ที่แปลว่า พระผู้เป็นใหญ่ (ในรูปของดวงตา The Eye of Providence) เห็นด้วยกับการกระทำ/การตัดสินใจ (ในนี้คือการประกาศเอกราช). ส่วนประโยคละตินในแถบครึ่งวงกลมตอนล่าง เป็นสำนวนต้องใจที่เลือกมาจากบทกวีเวอจิล Virgil (70-19 BC ยุคจักรวรรดิโรมัน) ว่า NOVUS ORDO SECLORUM ที่แปลได้ว่า ระเบียบใหม่สำหรับยุคต่อๆไป ที่แน่นอนโยงไปถึงยุคใหม่ของการบุกเบิกเพื่อสถาปนาอิสรภาพของอเมริกา. ใต้วงกลม เขียนไว้ว่า THE GREAT SEAL (ตราประทับที่เป็นตราแผ่นดิน) และอ่านต่อไปในด้านขวา ใต้วงกลมรูปนกอินทรีว่า OF THE UNITED STATES (ของสหรัฐอเมริกา).

ภาพด้านขวาของธนบัตรหนึ่งดอลลาร์อเมริกัน เข้าใจกันง่าย เป็นภาพนกอินทรี กางปีกออกกว้าง มีดวงดาวประดับบนธงที่กลางลำตัวของนก และในวงกลมลวดลายเหนือหัวนก, นับได้ 13 ดวง ที่คือรัฐอิสระสิบสามรัฐแรกที่มารวมตัวกันเพื่อก่อตั้งประเทศสหรัฐอเมริกา. ขานกข้างหนึ่งจับกิ่งลอเรล สัญลักษณ์ของชัยชนะ, อีกขาหนึ่งกำธนู 13 ดอก.

      ส่วนสามเหลี่ยม ในภาษาสัญลักษณ์ของศาสนาคริสต์ คือ ตรีเอกภาพ หรือ ตรีเอกานุภาพ. ต่อมาเมื่อเกิดความขัดแย้งระหว่างกลุ่มฟรีเมสันกับศาสนาคริสต์, ดวงตาของพระเจ้า ถูกเปลี่ยนไปเป็นตัวอักษร G ภายในสามเหลี่ยม ที่อาจหมายถึง The Great Architect of the Universe นั่นคือ สถาปนิกผู้ยิ่งใหญ่.  ผู้สร้าง ผู้จัดระบบระเบียบและบริหารโลกและจักรวาล ตามหลักการของเรขาคณิต ดาราศาสตร์และวิทยาศาสตร์ได้เยี่ยงนี้ ย่อมเป็นสถาปนิกผู้วิเศษสุด (คัมภีร์เก่า ใช้เรียกพระผู้สร้างว่าเป็นสถาปนิกของจักรวาล, Psalm 19). G จึงเป็น Geometer นักเรขาคณิตตามทฤษฎีของปีทากอรัส ได้เช่นกัน.

พระคริสต์ถือวงเวียน เนรมิตโลกและจักรวาล. ภาพวาดบนแผ่นหนัง ในราวปี 1220-1230. เป็นภาพนิรนาม อยู่ที่หอสมุดมหาวิทยาลัยออสเตรีย (Austrian National Library, Public domain, via Wikimedia Commons).

การประดิษฐ์แบ๊งค์หนึ่งดอลลาร์อเมริกัน(แบ๊งค์ราคาต่ำสุด ที่เกือบทุกคนมีโอกาสเป็นเจ้าของ) ด้วยรูปลักษณ์ดังที่กล่าวมาข้างต้น เป็นหลักฐานยืนยันว่า รัฐบาลสหรัฐฯ รับอุดมการณ์ของสมาคมฟรีเมสันตั้งแต่เริ่มต้น. สมาคมฟรีเมสัน เป็นสมาคมลับที่สำคัญและมีบทบาทมากที่สุดในสังคมยุโรป โดยเฉพาะตั้งแต่ยุคกลางที่เป็นยุคของการเริ่มสร้างวัด วิหาร โบสถ์ ทั่วไปในยุโรป, การสร้างบ้านแปงเมืองในยุคนั้น ยังไม่โดดเด่นเท่าการสร้างวัดวาอาราม. กลุ่มฟรีเมสันที่รวมผู้ชำนาญในการก่อสร้าง รักษาความลับ ความรู้และความชำนาญภายในหมู่สมาชิก, เป็นกลุ่มที่มีอิทธิพลมาก แม้วงการศาสนาเองก็มิอาจเข้าไปแทรกแทรงในการประชุม, ในการตัดสินใจใดๆ, หรือแฝงตัวเข้าไปสืบความลับหรือความรู้เรื่องศิลปวิชาในหมู่สมาชิก ด้วยเหตุนี้ มีผู้ทำหน้าที่ควบคุมผู้เข้าออก กำจัดคนลักลอบเข้าไป, มีรหัสผ่านเข้าออกที่สมาชิกรู้เท่านั้น. สถานที่ประชุมแต่ละครั้งก็อาจเปลี่ยนไปตามสถานการณ์. สมาชิกฟรีเมสัน เดินทางไปรับงานสร้างศาสนสถานอื่นๆอีกต่อไปในยุโรป จากเมืองหนึ่งไปยังอีกเมืองหนึ่ง, จึงเป็นกลุ่มก่อสร้างกลุ่มเดียวกัน(ส่วนมาก). ความรู้ ความชำนาญ เก็บเป็นความลับมาอย่างดีและสืบทอดเฉพาะแก่สมาชิก ในหมู่ช่างหิน ช่างปูน ช่างไม้ ฯลฯที่ต่างมีรหัสลับของตัวเองและจำหลักลงบนหินที่เขาทำและรับผิดชอบ ซึ่งคนอื่นไม่รู้ว่าใคร, เช่นนี้ เท่ากับจรรโลงแบบสถาปัตยศิลป์ไว้ได้อย่างต่อเนื่อง และสถิตสถาพรผ่านกาลเวลาตลอดหลายร้อยปี.  

สมาคมฟรีเมสัน มีอะไรที่น่ารู้ ที่ยังคงมีอิทธิพลทั้งทางตรงและทางอ้อม ต่อปัญญาชนชั้นแนวหน้าในสังคมตะวันตกยุคต่อๆมา, แม้ว่าจะไม่ใช่กลุ่มนักก่อสร้างวัดวาอาราม ไม่เป็นวิศวกรหรือช่างฝีมือแล้วก็ตาม. สมาคมเบนการพัฒนาก้าวไปในเชิงอภิปรัชญา, มุ่งมั่นด้านจิตวิญญาณมากกว่า... เก็บไว้เล่าในโอกาสหน้า.

ภาพนี้จากเว็บที่ http://www.franc-maconnerie.org/les-loges-maconniques.html

No comments:

Post a Comment